ถ้านึกถึงชื่อของ El Dorado แน่นอนว่าต้องนึกถึงเหล้ารัมสายละตินอเมริกาบ้างแหล่ะ ซึ่งเหล้ารัมของแบรนด์ El Dorado เป็นเหล้ารัมที่ทำมือและมีกลิ่นอายความเป็นละตินออกมาชัดเจน นอกจากนี้การบ่มของ El Dorado เป็นการบ่มที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปีอยู่เสมอ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม El Dorado กลายเป็นเหล้าที่มีรสชาติคล้ายรสคราฟท์อยู่ในที เพราะแอลกอฮอล์ 40% แต่จะว่าไป El Dorado ก็น่าลองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับเหล้ารัมนี้อย่างมาก
แล้ว “El Dorado” มันดีต่อใจยังไงบ้าง
จะว่าไปมันก็มีเหล้ารัม El Dorado ที่อายุต่ำกว่า 10 ปีอยู่บ้าง แต่ผู้เขียนแนะนำว่า เหล้ารัมของ El Dorado ที่เป็นแบบอายุ 10 ปีขึ้นไปจะดีกว่า เพราะรสชาติจะตอบโจทย์สายดื่ม และเวลาดื่มแล้วนุ่มนวลลิ้นมากกว่า
อีกทั้งยังมีรีวิวความน่าพึงพอใจสูงกว่า แน่นอนว่า El Dorado มีความดีต่อใจสูงมากเลยทีเดียว กรรมวิธีในการบ่มเหล้ารัมยังคงสไตล์แคริบเบียนอย่างชัดเจนในเรื่องวัตถุดิบ
และมีการรมควันอย่างชัดเจนในส่วนของของเหลวที่ได้จากส่วนผสมนั้นๆ จึงทำให้ El Dorado มีกลิ่นหอมที่ละมุน ไม่ออกควันฟุ้งเหมือนบุหรี่เท่าไหร่นัก พอเปิดขวดของ El Dorado สิ่งแรกที่รับรู้ทางจมูกชัดเจนเลยคือ มีกลิ่นหอมหวาน
พ่วงด้วยกลิ่นของท๊อฟฟี่ กลิ่นวานิลลา กลิ่นเครื่องเทศตามแบบแคริบเบียน ไม้โอ๊ค และการรมควันที่เป็นควันมีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้ดื่มเป็นหลัก เมื่อดื่ม El Dorado ไปนั้นจะรู้สึกถึงรสชาติในเพดานปาก มีรสโกโก้ คาราเมล ลูกพรุน เครื่องเทศ วานิลลา
จะมีความหวานละมุนเหมือนได้ทานเครื่องดื่มตาม Coffee Shop อยู่นิดๆ แม้ว่าเป็นแค่เหล้ารัมธรรมดาๆ จากนั้นเมื่อดื่มหมดแก้วแล้ว สิ่งที่ได้จาก El Dorado คือ ลิ้นรับรสชาติจะยาวนานขึ้น เนื่องจากกรรมวิธีทำมาด้วยความเรียบอย่างประณีต มีกลิ่นควันที่ปลายๆ ลิ้นออกมาอีกที
แล้ว “El Dorado” มีผลต่อความต้องการตลาดไทยยังไงบ้าง
ถ้า El Dorado นั้น ยังไม่มีการรีวิวชัดเจนจากนักดื่มไทยนัก แต่ในรีวิวต่างชาติต่างยกให้ El Dorado เป็นเหล้ารัมที่ดีที่สุดในโลก และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากๆ ซึ่งมันจะออกขายกันเกือบทั่วโลก นอกจากนี้หากใครที่มีความสนใจต่อ El Dorado อยากให้ดื่ม El Dorado เพราะมันรสชาติดีมาก ไม่ออกแนวขนมหวานจ๋าจนเกินไป และไม่เลี่ยนเนื่องจากน้ำตาลเยอะเกิน หรือถ้าใครสนใจสามารถสั่ง El Dorado ได้ที่ช่องทางออนไลน์ แต่แนะนำว่าเอาที่อายุ 10 ปีขึ้นไปดีกว่า