beer

ต้องบอกเลยว่าหากคุณเป็นคอเบียร์ตัวจริงและชอบเบียร์ที่มีดีกรีแรงๆ รสชาติเข้มถึงใจ ต้องห้ามพลาดไปหามาลิ้มลองกันนะคะ เพราะเบียร์ที่เรากำลังจะนำมาแนะนำกันนี้ต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน สำหรับเบียร์รสชาติเข้มที่ได้รับความนิยมในบ้านมีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อและเป็นเบียร์จากหลายสัญชาติไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ เยอรมัน เบลเยี่ยม รวมไปถึงเบียร์ไทยของเราเอง แต่ที่นำมาแนะนำจะเป็นเบียร์จากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสามารถหาดื่มได้ง่ายในบ้านเรา เพราะจะมีขายอยู่ทั่วไปตามร้านที่จำหน่ายเบียร์ รวมไปถึงในห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ จะมียี่ห้อไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ Lion Stout  เบียร์จากประเทศศรีลังกา ที่มีรสชาติเข้ม หวานละมุนลิ้น มาพร้อมกลิ่นกาแฟอ่อนๆ ผสมช็อคโกแลตและผลไม้  ที่สำคัญมีแอลกอฮอล์ถึง 8.8% เหมาะสำหรับสายแข็ง เมื่อรินออกมาคุณจะพบเนื้อเบียร์เป็นสีดำสนิท มีฟองหนาและเนียน หากทดลองดื่มอาจจะรู้สึกได้ถึงรสชาติของเครื่องเทศ เพราะมีอยู่ในส่วนผสม แต่รสชาติกาแฟจะเด่นกว่า อีกหนึ่งรสชาติแปลกใหม่ ที่คอเบียร์ต้องลอง และยังหาซื้อได้ง่าย แถมราคาไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย มีทั้งแบบเป็นขวดและเป็นแบบกระป๋องให้เลือก สะดวกแบบไหนลองไปเลือกซื้อกันดูนะคะ  Weihenstephaner Vitus  บอกเลยว่าตัวนี้จัดว่าเด็ด เพราะมีรางวัลการันตีในเรื่องของรสชาติกันเลยทีเดียว เป็นเบียร์ที่มีรสชาติกลมกล่อม ผสมผสานกันด้วยรสของเครื่องเทศน์ กล้วยหอม และแอลกอฮอล์ เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ฟองเบียร์หนาเนียนละมุน สำหรับตัวนี้จะมาพร้อมกับดีกรี 7.7% เรียกได้ว่าเข้มพอตัวเลยทีเดียว มาดูที่เนื้อเบียร์กันบ้าง เมื่อรินออกมาจะเป็นสีเหลืองขุ่นแต่ผ่องอำไพ สีเหมือนเบียร์ทั่วไปที่เรามักเห็นกันได้บ่อย จนบางท่านอาจนึกว่าเป็นสัญลักษณ์ของเบียร์กันไปแล้วที่ต้องมีสีเหลือง แต่จริงๆ […]

เบียร์ในบ้านเราจะมีนำเข้ามาจากหลายประเทศ และเบลเยี่ยมก็เป็นประเทศหนึ่งที่ผลิตเบียร์รสชาติเยี่ยมหลากหลายยี่ห้อ ที่เรียกได้ว่าถูกปากนักดื่มในบ้านเรา เพราะนอกจากจะมีด้วยดีกรีที่มากแล้ว รสสัมผัสยังนุ่มละมุน แถมยังมีสีสันชวนดื่ม ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ปัจจุบันหาซื้อได้ง่าย เพราะมีจำหน่ายในร้านขายเบียร์ทั่วไป และในห้างสรรพสินค้า ใครกำลังมองหาเบียร์รสชาติเข้มๆ กันอยู่ ลองมาดูกันนะคะว่า มีเบียร์ยี่ห้ออะไรได้ ที่นักดื่มเช่นคุณไม่ควรพลาด  ภาพจาก commons.wikimedia.org ตัวแรก Kwak  เป็นเบียร์สัญชาติเบลเยี่ยม ที่มาพร้อมแอลกอฮอล์ 8.4% เปิดขวดออกมาคุณจะได้กลิ่นของผลไม้และมอลต์ เมื่อรินใส่แก้วเบียร์จะเป็นสีออกแดง ลักษณะเหมือนไวน์ ดื่มไปดื่มมาอาจจะลืมไปว่ากำลังดื่มเบียร์อยู่ก็เป็นได้ ราคาจำหน่ายในบ้านเราตอนนี้อยู่ที่ประมาณขวดละสองร้อยกว่าบาท ขวดมีปริมาณ 330 ml ซึ่งเมื่อเทียบกับรสชาติและคุณภาพแล้วถือว่าราคาไม่แรงจนเกินไป ภาพจาก pinterest.com ตัวที่สอง Delirium Noel  เป็นเบียร์สัญชาติเบลเยี่ยมอีกหนึ่งตัว ที่มีรสชาติเข้ม เพราะมาพร้อมกับแอลกอฮอลล์ 10% ในขนาดบรรจุ 330ml เห็นจากแพคเกจจิ้งภายนอกแล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกว่าน่ารัก ออกแนวน่าจะเป็นเบียร์สายแป๋ว แต่ถ้าได้ลองแล้วความเข้มของรสชาติช่างแตกต่าง ตัวเบียร์เมื่อรินลงแก้วจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ฟองครีมสีขาวนวลดูนุ่มละมุน สำหรับรสชาติจะออกแนวหวานปนขม แก้วแรกอาจไม่ถูกลิ้นสักเท่าไร แต่ลองไปอีกสักแก้วสองแก้วรับรองหยุดไม่ได้ ภาพจาก beerawareness.com ตัวที่สาม Gulden

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาเบียร์รสชาติเบาๆ เอาไว้ดื่ม ยามวาง รวมไปถึงท่านที่ดื่มเป็นประจำแต่อยากจะเปลี่ยนหรือทดลองยี่ห้ออื่นกันบ้าง วันนี้เรามีเบียร์รสชาติดีแถมมีกลิ่นหอมของผลไม้มาแนะนำกันค่ะ ที่สำคัญน่าจะถูกใจสาวๆ หลายคน ที่ไม่ชอบดื่มเบียร์แรงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วเบียร์ที่ผลิตออกมาในทุกวันนี้มีมากมายหลายยี่ห้อ ที่เรานำมาแนะนำก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง บางท่านอาจจะเคยได้ลองลิ้มชิมรสชาติกันมาบ้างแล้ว จะมียี่ห้อไหนกันบ้างนั้นลองตามไปดูกันนะคะ ภาพจาก wongnai.com Hoegaarden Rosee (ฮูการ์เดน โรเซ่) เบียร์ที่มีส่วนผสมของผลราสเบอรี่ ทำให้มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และสีออกชมพู ใครได้ดื่มรับรองจะติดใจ จริงๆ แล้วเบียร์ยี่ห้อนี้จะมีอยู่ด้วยกันสองรสชาติ จะเป็นแบบ Original กับ Rosee โดยเจ้าตัว Original จะออกเป็นสีเหลืองมองดูอาจคล้ายน้ำสับปะรด เพราะจะมีส่วนผสมของเปลือกส้มนั่นเอง ทั้งสองรสชาติดื่มง่ายเหมือนกัน รสชาติจะเบากว่าเบียร์ทั่วไป ใครไม่เคยดื่มเบียร์มาก่อนแนะนำให้ลองดูนะคะ แล้วคุณจะรู้สึกว่าการดื่มเบียร์ไม่ได้ทำให้รู้สึกขมคอเพียงอย่างเดียว แต่ก็มีรสชาติดีๆ ให้เราได้ลิ้มลองกันด้วย ภาพจาก int.erdinger.de Erdinger Weiss Beer (เออดิงเงอร์ วีท เบียร์) เบียร์สัญชาติเยอรมัน หมักบ่มจากข้าวสาลี รสชาติไม่แรง หอมละมุน ฟองนุ่ม เป็นเบียร์สูตรดั้งเดิม ฉลากสีขาวครีม ที่มาพร้อมระดับแอลกอฮอล์เพียง

หากท่าเป็นนักดื่มเบียร์มานานแสนนานแล้ว คงคุ้นชินกับ คำศัพท์ คราฟเบียร์ หรือคำเรียกต่าง ๆ เวลาเหล่านักรีวิวเบียร์เขาพูดกัน แต่สำหรับมนุษย์ธรรมดา ที่เพิ่งมีโอกาสได้เปิดโลก ได้เปิดมุมมองของการดื่มเบียร์ ที่มีรสชาติหลากหลาย ไม่เหมือนกันสักที่ในโลกใบนี้ ก็คงต้องเกิดอาการงงงวยกันไม่มากก็น้อย เพราะแต่ละคำ ล้วนแล้วแต่เป็นศัพท์เฉพาะที่ยากจะเข้าใจได้ในทันที ผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น ที่เกิดคำถามกับคำต่าง ๆ ที่เข้าใจยากของนักรีวิวทั้งหลายแหล่ วันนี้จึงเป็นวันที่ผมจะมาเล่าถึงศัพท์ต่าง ๆ ให้ท่านนักดื่มหน้าใหม่ได้เข้าอกเข้าใจกัน มาครับ เรามาทำความรู้จักกับคำศัพท์เหล่านี้กัน ตัวอย่าง คำศัพท์ ที่ได้ยินบ่อย ๆ ผมขอออกตัวก่อนเลยว่า คำศัพท์ ที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เป็นเพียงศัพท์บางส่วนเท่านั้น แต่เป็นศัพท์ที่เรามีโอกาสได้ยินค่อนข้างบ่อยครับ ซึ่งก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่า ในภาษาพูด คราฟเบียร์ แบ่งได้ 2 สาย คือ สายเขียว กับ สายเหลือง ซึ่งสายเขียวจะมีความโดดเด่นในเรื่องความขม กลิ่นหอมพุ่ง เช่น เบียร์สไตล์ IPA ,Pale ale เป็นต้น ส่วนสายเหลือง คือ สายที่มีกลิ่นหอมนุ่มนวลของมอลต์ เป็นหลัก

ในระยะหลังมานี้ หลาย ๆ ท่านคงเริ่มคุ้นหูกับคำว่า คราฟเบียร์ มากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความหมายได้อย่างถูกต้อง บ้างก็บอกว่า คราฟเบียร์ คือ เบียร์สด ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันไปเลย แล้วอะไรคือความหมายที่แท้จริงของมัน และอะไรคือสาเหตุของการเริ่มได้รับความนิยม รวมทั้งหากคนที่มีสไตล์เช่นคุณต้องการลิ้มลองบ้างจะเริ่มได้ที่ไหน อย่างไรบ้าง ผมจะเล่าให้ทุกท่านฟังครับ คราฟเบียร์ หากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ แบบตรงไปตรงมา คือ เบียร์ทำมือ หรือ เบียร์แฮนด์เมด แต่ก็มีหม้อต้มรวมทั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ในการผลิตเบียร์เหมือนผู้ผลิตรายใหญ่ เพียงแต่มีขนาดที่เล็กกว่า โดยขนาดของผู้ผลิตคราฟเบียร์จะมีกำลังการผลิต น้อยกว่า 6 ล้าน บาเรลต่อปี หรือประมาณ 954 ล้านลิตร  ซึ่งผู้ผลิตรายเล็กที่จะเรียกว่าผู้ผลิตคราฟเบียร์นั้น จะต้องมีสัดส่วนของการเป็นเจ้าของกิจการไม่น้อยกว่า 75 % อีกทั้งในด้านรสชาติ ผู้ผลิตคราฟเบียร์ จะมีความพิถีพิถัน ในการสร้างสรรค์รสชาติที่หลากหลายกว่า โดยเฉพาะวัตถุดิบเสริมที่มีเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น นอกเหนือจาก น้ำ ฮอปส์ มอลต์ และยีสต์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในการทำเบียร์ทุกชนิดบนโลกใบนี้ สาเหตุของการเริ่มได้รับความนิยมใน คราฟเบียร์ สำหรับสาเหตุของการเริ่มได้รับความนิยมของ

สวัสดีครับ วันนี้กลับมาพบกับผมอีกแล้วกับการแนะนำ 5 เบียร์ราคาถูกแต่รสชาติดีที่คุณไม่ควรพลาด Part 3 หลังจากที่ได้มีการแนะนำพาร์ท 2 ไปแล้วส่วนหนึ่ง ไม่รู้ว่าทุกคนได้ไปตามรอยบทความของผมกันบ้างหรือเปล่า ขอแนะนำเลยว่าเด็ดสุดยอดทุกอัน และครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งที่สามที่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เราจะมาแนะนำ 5 เบียร์ราคาถูกแต่รสชาติดีที่คุณไม่ควรพลาดอีกครั้ง น่าสนใจจริงๆ ว่าจะมีอะไรกันบ้าง ใครพร้อมแล้วก็ตามมาเลยนะครับ Busch Light ประวัติศาสตร์ที่ยังคงเป็นปริศนา ความยิ่งใหญ่ และผองเพื่อน Busch Light สามารถตอบโจทย์พวกคุณได้ทุกอย่าง เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของ Anheuser-Busch’s ที่ได้รับความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ นอกจากนี้ก็ยังเป็นอันดับ 2 ของเบียร์ในแบรนด์ตัวเองที่ขายที่ที่สุดอีกด้วย เหมาะสำหรับการสังสรรค์แบบชิลๆ ไม่เร่งรีบ ความเป็น light ทำให้ดื่มง่ายและไม่ต้องกลัวว่าจะเมาเร็ว มีเวลาให้สนุกทั้งคืนก็คุ้มที่จะเสี่ยงอยู่นะ ราคา : $16.99 (24pk/12 fl oz Cans) Genesee Beer อันดับเบียร์ยอดนิยมในนิวยอร์กไม่ได้มาด้วยโชคแน่ๆ สำหรับ Genesee Beer เมื่อปัจจุบันเราสามารถเห็น Genesee Beer ได้ทั่วทั้งอเมริกา

กราบสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านคร้าบ! วันนี้กลับมาพบกับผมใน Part 2 ของการแนะนำเบียร์รสชาติแย่ ล้อเล่น! แนะนำเบียร์รสชาติดีแต่ราคาถูกต่างหาก จากคราวก่อนที่มีการไล่เรียงกันไปจนถึง 5 ยี่ห้อ คราวนี้เราก็จะกลับมาต่อกันอีก 5 ยี่ห้อ มาดูกันว่าครั้งนี้พวกคุณจะรู้จักกันมากน้อยแค่ไหน พร้อมกันหรือยังที่จะไปตะลุยโลกของเบียร์ราคาถูกแต่รสชาติดีในวันนี้ พร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ  Miller High Life ใครที่ไม่รู้จักเบียร์ยี่ห้อนี้นะครับ ผมจะขอเกริ่นก่อนเลยว่า Miller High Life ให้ความรู้สึกของเบียร์แบบแชมเปญที่มีสัมผัสของรสชาติที่หวานและดื่มง่าย กล่าวคือเป็นเบียร์สำหรับสายปาร์ตี้ที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่แรงมาก(4.6%) เป็น Lager Beer ที่ชนะใจใครหลายๆ คนจากรสชาติและราคาที่ถูกเกินคาดอย่างไม่น่าเชื่อ ราคา : $11.98 (12 ขวด) Rolling Rock เบียร์ขวดเขียวตราม้าที่ไม่ใช้ยี่ห้อปากกาหรือน้ำยาลบคำผิด  สัมผัสของ Rolling Rock ให้ความรู้สึกคล้ายน้ำเปล่าในตอนแรกแต่ถ้าคุณดื่มต่อไป จะสัมผัสได้ถึงรสชาติหลากหลายที่ตามมาติดๆ น้ำเปล่าที่นุ่มนวล แอลกอฮอล์ต่ำ (4.6%) มีรสชาติค่อนข้างหวานติดลิ้นหน่อยๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกินเบียร์ที่มีความเป็นธรรมชาติและสะอาด บางทีนี่อาจจะเป็นเอลกลักษณ์ของเขาที่ทำให้หลายคนให้ความสนใจ ราคา : $1.98 (12 ขวด)